วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

ความปลอดภัยในการใช้คอมพิวเตอร์

10 วิธีในการทำงานให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น

            ความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์และข้อมูลของคุณนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคุณและการประสบความสำเร็จของบริษัท ข้อมูลที่สูญหายหรือถูกโจรกรรมอาจเปิดเผยความลับของบริษัท ข้อมูลความลับ หรือข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ยิ่งคุณทำให้คอมพิวเตอร์ปลอดภัยเท่าใด ข้อมูลของคุณก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น ใช้เคล็ดลับ 10 ประการนี้เพื่อเรียนรู้วิธีที่จะช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์ ข้อมูล และเครือข่ายบริษัทของคุณ
1. ความสามารถในการปกป้องเครือข่ายของคุณเอง
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ติดตั้งโปรแกรมแก้ไขและการปรับปรุงของ Microsoft ครบแล้ว นอกจากการติดตั้งการปรับปรุงของ Windows และ Office แล้ว คุณอาจติดตั้งซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอื่นๆ เช่น ไฟร์วอลล์ หรือ ซอฟต์แวร์ที่กำหนดเองเพื่อช่วยให้คุณเชื่อมต่อจากระยะไกลได้ การติดตั้งโปรแกรมทั่วไปเหล่านี้จะทำให้คอมพิวเตอร์และเครือข่ายของบริษัทปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
2. การใช้รหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูง

รหัสผ่านคือปราการด่านแรกที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของคุณได้ แต่ส่วนใหญ่มักไม่มีการใช้รหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูง รหัสผ่านที่เดาได้ง่ายจะทำให้ผู้ประสงค์ร้ายสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์และเครือข่ายของคุณได้ง่าย รหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูงนั้นสามารถแคร็กได้ยาก แม้จะใช้ซอฟต์แวร์แคร็กรหัสผ่านรุ่นใหม่ล่าสุด
รหัสผ่านที่คาดเดายาก ควรมีลักษณะดังนี้
  • มีความยาวอย่างน้อย 8 อักขระ
  • ไม่มีชื่อผู้ใช้ ชื่อจริง หรือชื่อบริษัทของคุณในรหัสผ่าน
  • ไม่มีคำเต็มที่มีในพจนานุกรม
  • แตกต่างจากรหัสผ่านเดิมโดยสิ้นเชิง รหัสผ่านที่ถูกเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เช่น Password1Password2Password3 เป็นรหัสผ่านที่คาดเดาได้ง่าย
  • มีอักขระประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้
    • อักขระตัวพิมพ์ใหญ่และ/หรือตัวพิมพ์เล็ก
    • ตัวเลข
    • สัญลักษณ์ (!,@,#,$,%, etc.)
3. อย่าเปิดใช้ตัวเลือก บันทึกรหัสผ่าน

สร้างเงื่อนไขให้คุณหรือบุคคลอื่นที่พยายามเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณต้องใส่รหัสผ่านสำหรับระบบปฏิบัติการหรือการตั้งค่าโปรแกรมประยุกต์ทั้งหมด ถ้ามีกล่องโต้ตอบเสนอตัวเลือกการช่วยจดจำรหัสผ่านเพื่อไม่ให้คุณต้องพิมพ์รหัสผ่านเอง ให้เลือก ไม่ การอนุญาตให้มีการบันทึกรหัสผ่านมีค่าเทียบเท่ากับการไม่มีรหัสผ่านเลย
4. ใช้การใช้งานแฟ้มร่วมกันบนเครือข่ายแทนการใช้งานแฟ้มร่วมกันในเครื่อง

แทนที่จะเปิดให้เพื่อนร่วมงานเข้าถึงข้อมูลในเครื่องของคุณ ให้ใช้การใช้งานแฟ้มร่วมกันบนเครือข่ายเพื่อทำงานบนเอกสารร่วมกัน และจำกัดสิทธิ์การเข้าใช้งานแฟ้มเหล่านั้นแก่ผู้ที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าคุณทำงานเป็นทีม คุณยังมีตัวเลือกอื่นๆ อีก ตัวอย่างเช่น Microsoft SharePoint Workspace 2010 (ภาษาอังกฤษ)
5. ล็อกคอมพิวเตอร์เมื่อลุกจากโต๊ะทำงาน

ถ้าคุณจะไม่อยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นเวลานาน อย่าลืมตรวจสอบว่าคุณล็อกคอมพิวเตอร์แล้ว
เมื่อต้องการล็อกคอมพิวเตอร์ ให้ทำดังนี้
  1. กด CTRL+ALT+DELETE พร้อมกันบนแป้นพิมพ์
  2. คลิก ล็อกคอมพิวเตอร์นี้ (หรือถ้าคุณใช้งาน Windows XP คลิก ล็อกคอมพิวเตอร์)
  3. เมื่อต้องการปลดล็อกคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้กด CTRL+ALT+DELETE แล้วใส่รหัสผ่าน
6. ใช้การป้องกันด้วยรหัสผ่านบนตัวรักษาหน้าจอ

ในบางครั้งคุณอาจไม่อยู่ที่โต๊ะนานกว่าที่คาดไว้ ให้วางแผนรับมือสถานการณ์นี้ด้วยการตั้งให้คอมพิวเตอร์ล็อกตัวเองหลังจากที่คุณไม่อยู่ที่โต๊ะตามเวลาที่กำหนด
เมื่อต้องการสร้างการป้องกันด้วยรหัสผ่านบนตัวรักษาหน้าจอใน Windows 7
  1. ให้คลิกขวาบนพื้นที่ว่างบนเดสก์ท็อป
  2. คลิก คุณสมบัติ แล้วคลิกส่วน ตัวรักษาหน้าจอ
  3. เปลี่ยน เวลาสำหรับการรอ เป็น 10 นาที หรือน้อยกว่านั้น
  4. เลือก เมื่อกลับมาดำเนินการต่อ ให้แสดงหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
  5. คลิก นำไปใช้
เมื่อต้องการสร้างการป้องกันด้วยรหัสผ่านบนตัวรักษาหน้าจอใน Windows Vista
  1. ให้คลิกขวาบนพื้นที่ว่างบนเดสก์ท็อป
  2. คลิก คุณสมบัติ แล้วคลิกส่วน ตัวรักษาหน้าจอ
  3. เปลี่ยน เวลาสำหรับการรอ เป็น 10 นาที หรือน้อยกว่านั้น
  4. เลือก เมื่อกลับมาดำเนินการต่อ ให้ป้องกันด้วยรหัสผ่าน
  5. คลิก นำไปใช้
เมื่อต้องการสร้างการป้องกันด้วยรหัสผ่านบนตัวรักษาหน้าจอใน Windows XP
  1. ให้คลิกขวาบนพื้นที่ว่างบนเดสก์ท็อป
  2. คลิก คุณสมบัติ แล้วคลิกแท็บ ตัวรักษาหน้าจอ
  3. เปลี่ยน เวลาสำหรับการรอ เป็น 10 นาที หรือน้อยกว่านั้น
  4. เลือก เมื่อกลับมาดำเนินการต่อ ให้ป้องกันด้วยรหัสผ่าน
  5. คลิก นำไปใช้
7. เข้ารหัสแฟ้มที่มีข้อมูลความลับหรือแฟ้มที่มีข้อมูลสำคัญทางธุรกิจ
ข้อมูลที่มีค่าและมีความสำคัญสูงถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณอาจมีข้อมูลที่ไม่ต้องการเปิดเผยเกี่ยวกับบริษัทหรือลูกค้า หรือข้อมูลการบัญชีธนาคารส่วนตัวของคุณเก็บไว้ในแล็ปท็อปที่คุณใช้ที่บ้านและที่ทำงาน การเข้ารหัสข้อมูลของคุณจะทำให้ข้อมูลเหล่านั้นปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อต้องการป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าถึงข้อมูลของคุณ หรือเมื่อคอมพิวเตอร์ของคุณสูญหายหรือถูกขโมย คุณควรเข้ารหัสข้อมูลที่มีความสำคัญทั้งหมด ใน Windows Vista รุ่น Enterprise และรุ่น Ultimate คุณสามารถใช้ BitLocker? Drive Encryption เพื่อเข้ารหัสไดรฟ์ทั้งไดรฟ์ ใน Windows XP และ Windows Vista ทุกรุ่น คุณสามารถใช้ Encrypting File System (EFS) เพื่อป้องกันแฟ้มที่มีความสำคัญ เราขอแนะนำให้คุณศึกษาวิธีการเข้ารหัสแฟ้มหรือโฟลเดอร์เพื่อปกป้องให้มีความปลอดภัยอยู่เสมอ
8. อย่าเปิดอ่านอีเมลที่น่าสงสัย
ถ้าข้อความอีเมลดูน่าสงสัยข้อความนั้นอาจไม่น่าไว้วางใจ ให้ส่งต่อข้อความนั้นไปยังผู้ดูแลระบบ IT เพื่อทำการตรวจสอบก่อนที่คุณจะเปิดข้อความนั้น
9. เข้ารหัสข้อความอีเมลเมื่อเหมาะสม
เมื่อคุณส่งข้อความที่เป็นความลับหรือข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญ ให้เข้ารหัสอีเมลและแฟ้มใดๆ ก็ตามที่แนบกับข้อความนั้น เฉพาะผู้รับที่มีคีย์ส่วนตัวซึ่งตรงกับคีย์สาธารณะที่คุณใช้เข้ารหัสจึงจะสามารถเปิดอ่านข้อความนั้นได้
10. การใช้ตัวกรองอีเมลขยะใน Outlook
การได้รับสแปมหรือข้อความอีเมลขยะไม่เพียงแต่น่ารำคาญเท่านั้น สแปมบางฉบับยังอาจมีไวรัสที่อาจทำอันตรายต่อคอมพิวเตอร์ของคุณและเครือข่ายของบริษัทได้ ตัวกรองอีเมลขยะ สามารถลดจำนวนอีเมลขยะหรือสแปมที่คุณได้รับในกล่องขาเข้าของคุณได้ ถ้าตัวกรองอีเมลขยะของคุณเปิดใช้งานอยู่แล้ว นั่นเป็นข่าวดี แต่คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าได้ทุกเมื่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น